Timeless บทเพลงแห่งความคิดถึงเสาร์แรกของตุลาคม… เรารู้จัก Jennifer Warnes เพราะเสียงร้องที่ทุ้มหวานนิ่มนวลและเป็นเจ้าของรางวัลแกรมมี่สาขาใหญ่ถึง 2 ตัวจากเพลง ‘Up Where We Belong’ จากหนังเรื่อง An Officer And A Gentleman (1982) ที่ร้องคู่กับ Joe Cocker และเพลง [I’ve Had] The Time Of My Life จากหนังเรื่อง Dirty Dancing (1987) รู้คู่กับ Bill Medley… ผลงานเท่านี้ก็พอจะมัดใจคนฟังได้อย่างง่ายดาย แต่ Jennifer Warnes ไม่ใช่เพียงมีเสียงร้องที่ถูกใจและโชคดีที่ได้เพลงชั้นเยี่ยม แต่ทักษะในการร้องเพลงของเธอเป็นของจริง ถอยไปตอนที่อายุ 7 ขวบในปี 1954 เธอได้รับสัญญาอัดเสียงครั้งแรก ที่คุณพ่อเธอปฎิเสธเนื่องจากเป็นครอบครัวที่เคร่งศาสนา คุณพ่ออยากให้เธอร้องเพลงในโบสถ์อย่างเดียวและได้ร้องถึงอายุ 17 ปี Jennifer Warnes ได้รับทุนวิชา Opera จาก Immaculate Heart College นักร้องที่มีอิทธิพลกับเธอคือ Joan Baez เธอร้องเพลงโฟลค์และแสดงละครเวที จนได้รับสัญญาอัดเสียงอีกครั้งจากฉลาก Parrot Records ในเครือของ London Records 1968 เริ่มมีงานร้องเพลงให้กับศิลปินมีชื่อหลายคนอาทิ Mason Williams และได้รับบทนักแสดงนำฝ่ายหญิงในมิวสิคัลเรื่อง Hair ที่ลอสแองเจลิส ในปีถัดมา 1969 Jennifer บันทึกเสียง 2 เพลงจากมิวสิคัลเรื่องนี้ ‘Let The Sunshine In’ กับ ‘Easy To Be Hard’ ในฉลาก Parrot Records ทำให้เป็นที่รูัจักมากขึ้นจากแฟนเพลงฝั่งเกาะอังกฤษ ปี 1971 ได้พบและสนิทสนมกับ Leonard Cohen กวีนักแต่งเพลง ได้ออกทัวร์แสดงในยุโรปกับ Cohen ในปี 1972 และ 1979 และเป็นนักร้องรับเชิญประจำในงานหลายชุดของ Leonard Cohen ในเวลาต่อมา…
จากประสบการณ์ที่เริ่มสั่งสมและได้พบกับกับนักดนตรีฝีมือดีอย่าง John Cale ที่มาช่วยงานเพลงของเธอ ได้รู้จักกับโปรดิวเซอร์ Jim Ed Norman นักแต่งเพลง Peter McCann กับเพลงฮิตเพลงแรก ‘Right Time Of The Night’ (1977) ได้รัองเพลง ‘It Goes Like It Goes’ ประกอบหนัง Norma Rae และคว้าออสการ์สาขา Best Original Song 1979 จากนั้นวันเวลาของ Jennifer Warnes ก็มาถึง จาก 2 เพลงเอกที่กล่าวมาข้างต้น พร้อมกับการเชียนเพลงด้วยตนเอง I’m Restless; Short Through The Heart; The Well ฯลฯ จุดเด่นในงานของ Jennifer Warnes คือจะมีศิลปินรับเชิญชั้นเยี่ยมมาช่วยอาทิ John Cale; Leonard Cohen; Stevie Ray Vaughan; Jackson Browne ฯลฯ จุดเด่นอีกหนึ่งของเธอคือ การคัดเพลงเก่ามาบันทึกซ้ำ Why Worry; Bird On A Wire; Love Hurts; In The Morning; PF Sloan; Golden Slumbers และเพลง Don’t Make Me Over (Burt Bacharach/Hal David) ที่จะเปิดในเบรกแรกของ Timeless บทเพลงแห่งความคิดถึงในวันนี้ รวมถึงเพลง I Want To Be Wanted ต้นฉบับป้า Brenda Lee ที่ขับร้องโดย Olivia Newton John; Groovin’ โดย Paul Carrack ที่คุณฝากไว้; You And I สองฉบับที่เป็นคนละเพลงกัน Eddie Rabbit with Crystal Gayle และ Kenny Rogers; Amanda Seyfreid กับเพลง Thank You For The Music (Mamma Mia); Bryan Adams กับเพลง Never My Love (ต้นฉบับ The Association; Santana กับ Stormy; Vanessa Carlton เพลง Wishin’ And Hopin’ ฯลฯ คืนนี้สองทุ่มที่ BangkokRadio 1 กับ….เป็นเลิศ หทัยเฑียร-
