Burt Bacharach เกิดที่แคนซัสแต่ครอบครัวย้ายไปนิวยอร์ค คุณพ่อเป็นคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ คุณแม่เป็นช่างเขียนภาพและแต่งเพลง เป็นคนที่พา Burt ไปเรียนเปียโนคลาสิคซึ่งเจ้าตัวไม่ชอบเลยและกลับมีใจให้กับดนตรีแจ๊ซ บ่อยครั้งที่ Burt ใช้บัตรประชาชนปลอมที่เข้าไปในแจ๊ซคลับย่าน 52nd Street ที่จะเล่นเพลงสไตล์บีบ๊อบของ Dizzie Gillespie กับ Count Basie หลังจบไฮสคูล ครอบครัวส่งเสริม Burt เข้าศึกษาวิชาดนตรีในระดับอุดม ศึกษาและจบในระดับปริญญาตรีโดยเน้นในวิชา jazz harmony ซึ่งกลายเป็นเสาหลักในการแต่งเพลงของ Burt Bacharach ในเวลาต่อมา….1950 Burt เข้ารับราชการทหาร 2 ปีไปประจำการที่ฐานทัพเยอรมัน มีโอกาสเล่นเปียโนในคลับของนายทหารสัญญาบัตร ที่นั่นได้พบกับเพื่อนทหารเกณฑ์ที่ร้องเพลงได้ดีเยี่ยมชื่อ Vic Damone เมื่อถึงเวลาปลดประจำการ Vic Damone กลายเป็นนักร้องและได้ว่าจ้างให้ Burt Bacharach ควบคุมดูแลดนตรีทั้งหมด Vic Damone บอกว่า Burt มีพรสวรรค์และความคิดสร้างสรรในดนตรี ทำให้ทุกเพลงที่เรียบเรียงออกมามีเอกลัษณ์และน่าฟัง ความสามารถของ Burt ไม่ได้หยุดเท่านี้ มีงานดนตรีของนักร้องที่มีชื่อเสียงเข้ามาให้ช่วยจัดการอาทิ Steve Lawrence; The Ames Brothers; Marlene Dietrich และ Paula Stewart ที่ต่อมากลายเป็นภรรยาคนแรกของ Burtจุดเปลี่ยนของอาชีพนักดนตรี/นักเรียบเรียง มาเป็นนักแต่งเพลง…. 1956 Burt Bacharach เดินสวนกับนักแต่งเนื้อร้องที่ชื่อ Hal David ในตึก Brill Building ซึ่งเป็นตึกทำการของบริษัทจัดการลิขสิทธิ์เพลงชั้นนำหลายสิบบริษัทในนิวยอร์ค ทุกวันจะมีผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมดนตรีต้องมาพบกันที่อาคารแห่งนี้ Burt กับ Hal เลยได้ลองของ (เหมือน Bernie Taupin กับ Elton John) ร่วมกันแต่งเพลง The Story Of My Life ให้กับนักร้องลูกทุ่ง Marty Robbins ผลปรากฎเพลงดังกล่าวขึ้นถึงอันดับหนึ่งของ US. Country Chart 1957 เอาให้แน่ใจว่าเป็นเนื้อคู่ตัวจริงลองอีกเพลง Magic Moments ให้ Perry Como คราวนี้ขึ้นอันดับสี่ของ Billboard Hot100 ทั้งสองมั่นใจซึ่งกันและกันจึงตั้งเป็นทีมเขียนเพลง Burt Bacharach & Hal David ในปี 1963 เพลงแรกประเดิมคือเพลง Make It Easy On Yourself ได้ Jerry Butler นักร้องนำวง The Impressions ต่อมาวง The Walker Brothers บันทึกซ้ำขึ้นถึงอันดับหนึ่งของประเทศอังกฤษ….ยุค’50-’60s นักแต่งเพลงมักจะมีนักร้องเงาประจำสำนักงานเพื่อให้ร้องเพลงเป็น demo นำเสนอค่ายเพลงกับนักร้อง อาทิ Gordon Mills มี Tom Jones ฝั่งอเมริกา Burt กับ Hal มี Dionne Warwick เพลงแรกที่แต่งคือ Don’t Make Me Over พอลองให้ Dionne ร้อง Hal บอกให้ Dionne ร้องฉบับจริงไปเลย จากจุดนี้เพลงรุ่นแรกของ Burt Bacharach กับ Hal David อันประกอบด้วยเพลง Walk On By; Anyone Who Had A Heart; Alfie; I Say A Little Prayer; I’ll Never Fall In Love Again และ Do You Know The Way To San Jose ทำให้ Dionne Warwick ถูกหวยชุดใหญ่เต็มๆ ผลงาน เพลงที่แต่งโดย Burt & Hal กลายเป็นเพลงที่นักร้องและค่ายเพลงถามถึงตลอดหลายสิบปีจนถึงวันนี้ ยิ่ง Burt เซ็นสัญญาเข้าสังกัด A&M ของ Herb Alpert ทั้งในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลง Carpenters กับ (They Long To Be) Close To You; Herb Alpert This Guy’s In Love With You ฯลฯด้านเพลงประกอบภาพยนตร์ Burt Bacharach ก็มีเพลง What’s New The Pussy Cat (Tom Jones 1965); Alfie (Dionne Warwick 1966); The Look Of Love (Dusty Springfield ให้กับ Casino Royale 1967); I’ll Never Fall In Love Again (Promises Promises 1968); Raindrops Keep Fallin On My Heart (Butch Cassidy & The Sundance Kid 1969) ฯลฯคนที่มีเมโลดี้เพลงรักมากมายระดับนี้ มักจะหนีไม่พ้นเรื่องความรักที่มีมากกว่าหนึ่ง Burt Bacharach แต่งงานครั้งแรกกับ Paula Stewart ตามมาเป็น Angie Dickenson นักแสดง และคนที่สาม Carole Bayer Sager นักแต่งเพลงที่มีงานแต่งร่วมกันหลายเพลงอาทิ Arthur’s Theme; That’s What Friends Are For; Making Love; On My Own และคนที่สี่ Jane Hansen มีบุตรด้วยกันสองคน และอยู่ด้วยกันจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต Burt Bacharach จากไปอย่างสงบเมื่อคืนวานนี้ในวัย 94 ปี ส่วน Hal David จากไปก่อนหน้านี้สิบปี 2012 ถ้า Hal อยู่ถึงวันนี้แกจะอายุ 101 ปี สำหรับผมเพลงของ Burt Bacharach (MUSIC) กับ Hal David (LYRICS) เป็นเพลงรักสารพัด ความคมกริบในบทเพลงรักจากปลายปากกาของ Hal David มีทั้งสมหวัง, ขมขื่น, ประชด, เปรียบเปรย, เข้าข้างตัวเอง ครบทุกรสรัก และต้องมีดนตรีของ Burt Bacharach นี่คือ อาจารย์ใหญ่ตัวจริงของ Music & Lyrics รางวัลเกียติยศ 6 แกรมมี่ 3 ออสการ์ 73 เพลงในอเมริกาและ 52 เพลงในอังกฤษที่เข้าอันดับขายดี Top40 ขอบคุณกับเพลงชั้นเลิศตลอด 60 ปีที่ผ่านมา ขอให้ดวงวิญญานจงสู่สุคติ RIP Burt Bacharach ….เป็นเลิศ หทัยเฑียร- คลิปจาก itv/youtube เช้านี้…