‘Fly Me To The Moon’ เดิมชื่อ ‘In Other Words’ แต่งโดยมือเปียโนช่างฝันชื่อ Bart Howard ในปี 1954 ขณะที่ทำงานเป็นมือเปียโนให้กับโชว์คาบาเรต์ยาวนานกว่ายี่สิบปี Bart พยายามเดินตามฝันที่จะแต่งเพลงเหมือน Cole Porter ที่เป็นไอดอลของแก แต่งได้เพลงหนึ่งชื่อ ‘In Other Words’ ไปเสนอกับบริษัทลิขสิทธิ์เพลง ก็ถูกติว่าใช้ภาษาเยิ่นเย๊อโอ่อ่า เพราะแก่นแท้ของเนื้อเพลงนี้คือ ผู้ชายที่พยายามพูดถึงการบินไปดวงจันทร์ได้เห็นภาพใหม่ๆของโลกใบนี้เพื่อโอ้อวดกับแฟนสาว ซี่งประโยคต่อมาก็สรุปว่า ‘ที่กล่าวมานั้นคือโอบกอดฉัน และฉันรักเธอ’ บริษัทลิขสิทธิ์เพลงบอกจะยอมรับเพลงนี้ก็ได้ แต่ขอให้ Bart Howard เปลี่ยนชื่อเนื้อเพลงประโยค ‘Fly Me To The Moon’ เป็น ‘Take Me To The Moon’ ซึ่ง Bart ไม่โอเคและเปลี่ยนขื่อเพลงจาก ‘In Other Words’ เป็น ‘Fly Me To The Moon’ เสียเลยเหมือนประชด Bart ใช้ช่วงเบรกของโชว์คาบาเรต์โปรโมตเพลงนี้และได้นักร้องคาบาเรต์ชื่อ Felicia Sanders ช่วยร้องจึงเริ่มเป็นที่รู้จักในวงแคบที่คลับแห่งนั้น
นักร้องคนแรกที่บันทึกเสียง ‘Fly Me To The Moon’ ในเชิงพาณิชย์ชื่อ Kaye Ballard ตรา Decca เป็นเพลง Side B ของเพลง ‘Lazy Afternoon’ ไม่ประสบความสำเร็จจนอีกหลายปีต่อมามีนักร้องแจ๊สและคาบาเร่ต์ได้คัฟเวอร์เพลงนี้เริ่มจาก Johnny Mathis, Nancy Wilson, Eydie Gorme โดยเฉพาะเวอร์ชั่นคนนี้ขึ้นถึงอันดับ 20 ของ Cashbox Album Charts ในปี 1958 อีกสองปีต่อมา Peggy Lee ร้องเพลงนี้ในรายการ The Ed Sullivan Show โดยเปลี่ยนชื่อเพลงอย่างเป็นทางการว่า ‘Fly Me To The Moon’ ได้รับความนิยมในวงกว้าง 1962 ‘Fly Me To The Moon’ ฉบับบรรเลงแบบบอสซาโนว่าโดย Joe Harnell ได้สามารถขึ้นถึงอันดับ 14 ของ Billboard Hot100 และได้รางวัลแกรมมี่สาขาบรรเลงแบบวงออร์เคสตครายอดเยี่ยมในปีนั้น ทำให้เป็นเพลงที่นักร้องแนวหน้าจะขาดไม่ได้ในอัลบั้ม Julie London และ Paul Anka จนกระทั่งปีถัดมา Frank Sinatra ตอนนั้นกำลังมาแรงเป็นนักร้องที่ได้รับความนิยมสูง ได้ยินเพลง ‘Fly Me To The Moon’ ฉบับบรรเลงสวิงของ Count Basie & His Orchestra ติดใจจึงคุยกับ Count Basie ให้มาช่วยแบ๊คอัพในการบันทึกเสียง พร้อมกับถามว่าใครเป็นเรียบเรียง Count Basie ชี้ไปที่หนุ่ม Quincy Jones ว่าทั้งเรียบเรียงและคุมวง Frank Sinatra ขอคุยกับ Quincy และขอให้ช่วยปรับจังหวะสวิงให้เร็วขึ้นและแรงขึ้น ผลลัพธ์ ‘Fly Me To The Moon’ กลายเป็นเพลงบิ๊กแบนด์สวิงเต็มรูปแบบและเป็นซิกเนเจอร์ของ Frank Sinatra โดยปริยาย และจากการทำงานร่วมกันครั้งนั้น Quincy Jones และวง The Count Basie Orchestra กลายเป็นทีมดนตรีหลักของ Frank Sinatra จนถึงอัลบั้มท้ายสุด ‘L.A. Is My Lady’ 1984….
‘Fly Me To The Moon’ ฉบับ Frank Sinatra มีความเกี่ยวข้องกับโครงการอวกาศ ‘Apollo’ ของ NASA ที่กำลังแข่งกับรัสเซียว่าใครจะได้เหยียบดวงจันทร์ก่อนกัน และเป็นไปตามวัฒนธรรมอเมริกันที่ต้องมีสิ่งบันเทิงแทรกเป็น gimmick เสมอ ใน Apollo 10 เหมือนอุ่นเครื่องเมื่อเข้าสู่วงโคจรของดวงจันทร์ นักบินอวกาศจะเปิดเพลง ‘Fly Me To The Moon’ ฉบับ Frank Sinatra ผ่านเครื่องเล่นเทปคาสเซ็ท Sony TC-50 และในโครงการณ์ Apollo 11 ตอนที่นักบินอวกาศ Neil Armstrong จะเหยียบก้าวแรกบนพื้นผิวดวงจันทร์ เพลงนี้ก็จะถูกเปิดบนยานอวกาศและส่งสัญญานกลับมายังพื้นโลก…
‘Fly Me To The Moon’ เป็นเพลงรักโรแมนติด Timeless ใครร้องใครบรรเลงก็ไพเราะไปหมด แต่ฉบับที่สะเทือนใจผมมากคือการประกอบฉากสุดท้ายก่อน end credits ของหนัง Space Cowboys 2000 ของน้า Clint Eastwood เรื่องราวของสี่นักบินอวกาศ สว. Clint Eastwood, James Garner, Donald Sutherland, Tommy Lee Jones ที่ขึ้นไปบนดวงจันทร์เพื่อแก้วิกฤตการณ์ดาวเทียมจะโหม่งชนโลก (สคริปแบบฮอลลีวู๊ดจ๋า) และสุดท้ายต้องมีใครสักคนอยู่โยงที่ดวงจันทร์เพื่อสอยดาวเทียมดวงดังกล่าว และเป็น Tommy Lee Jones ขันอาสาเพราะเพิ่งเสียภรรยาไปและตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมีชีวิตไม่เกินแปดเดือน และขอสานฝันในวัยหนุ่มที่พลาดเป็นคนแรกที่ได้เหยียบดวงจันทร์ ตอนก่อนเข้า end credits กล้องจะซูมจากหลังบ้านของ Clint Eastwood บนโลกไปที่ดวงจันทร์จนถึงร่างของ Tommy Lee Jones นอนสงบนิ่ง พลัน ‘Fly Me To The Moon’ ฉบับ Frank Sinatra ก็ลอยขึ้นมา สุดครับตอนนั้น….เป็นเลิศ หทัยเฑียร-