สมมุติว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณ…..
1975 ในคืนคริสต์มาสอีฟอันหนาวเหน็บ ชายหนุ่มขับรถฝ่าหิมะจุดหมายคือบ้านครอบครัวที่ทุกคนรออยู่ จากงานที่ยุ่งเหยิงสลัดไม่หลุดในเมืองจนไม่มีเวลาซื้อของฝาก ก่อนถึงบ้านมีร้านสะดวกซื้อ คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะมีอะไรติดมือบ้าง เดินไปแผนกอาหารพบหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเลือกซื้ออยู่เหมือนกัน พอเงยหน้าสบตาชายหนุ่มเกิดอาการสะท้าน ขณะที่หญิงสาวก็งงๆเหมือนเคยรู้จัก ครู่เดียวทั้งสองลืมตาโพลนแล้วเดินเข้าสวมกอดมีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา แท้จริงทั้งสองเป็นคู่รักมาก่อนสมัยเรียน แต่เมื่อวันที่ต้องไปต่อ หญิงสาวขออยู่ต่อในบ้านเกิดแต่ชายหนุ่มขอเดินทางไปล่าฝันที่ต่างเมือง ไม่พบกันอีกเลยจนกระทั่งคืนนี้…
เดินออกมานั่งหน้าร้านนิ่งเงียบอยู่นาน แต่พอเริ่มสนทนาก็รู้สึกว่ามีเรื่องราวมากมายที่อยากจะบอกกับอีกฝ่าย เลยจะหาที่นั่งคุยต่อยาวๆ ก็ดึกเลยเที่ยงคืนร้านรวงก็ปิดหมดแล้ว กลับเข้าร้านซื้อเครื่องดื่นซิกซ์แพคไปนั่งคุยกันในรถหญิงสาวจนถึงเช้า ทุกเรื่องตั้งแต่การงาน ครอบครัว และชีวิตปัจจุบัน มีอยู่ประโยคหนึ่งที่หนุ่มแทบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หญิงสาวบอกว่า ‘เวลาที่ฉันคิดถึงเธอ ฉันจะเดินเข้าในร้านแผ่นเสียงและมองที่ปกอัลบั้มของเธอ’……. จนกระทั่งรุ่งสาง ทั้งสองก็แยกกันกลับไปหาครอบครัวและไม่มีโอกาสพบกันอีก จูบลาสุดท้ายชายหนุ่มบอกว่า มีความสุขเหมือนได้กลับไปที่โรงเรียนเก่าอีกครั้ง ด้วยวิถีชีวิตการงานของชายหนุ่มคนนี้ยาวเหยียดไม่มีช่วงพัก ชายหนุ่มคนนี้กลายเป็นนักแต่งเพลงนักร้องที่มีผลงานชั้นเลิศ และได้ถ่ายทอดเหตุการณ์คืนคริสต์มาสอีฟคืนนั้นออกมาเป็นบทเพลงอีกห้าปีต่อมา (1980) เนื้อเพลงที่ไม่เหมือนเพลงทั่วไป ไม่ใช่กลอนสี่สุภาพ ไม่ใช่บทกวี หากท่านได้อ่านเนื้อร้องของเพลงนี้ที่อยู่แปะอยู่ในแถบด้านล่างของมิวสิควีดิโอนี้ จะเห็นว่า ไม่มีสัมผัสนอกสัมผัสใน ไม่มีวรรค ไม่มีท่อนสร้อย แต่เป็นคำพูดที่เหมือนเล่าเหตุการณ์ของคืนนั้นแบบไม่ตกหล่น..
หญิงสาวคนนี้ชื่อ Jill Anderson ไม่เคยแสดงตัวว่าเธอเป็นหญิงสาวคนนั้นในเพลง Same Old Lang Syne ของ Dan Fogelberg ทั้งสองคนเป็นคู่รักตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่บ้านเกิดในเมืองพีโอเรีย รัฐอิลลินอย มิวสิควีดิโอนี้ผู้ผลิตใช้ภาพถ่ายจากช่างภาพฝีมือดีหลายคน ภาพสาวในมิวสิคก็เป็นแค่ ‘ตัวแทน’ ไม่ใช่ Jill ตัวจริง บรรยากาศและทัศนียภาพรอบด้านเป็นสถานที่จริง ร้านสะดวกซื้อ (ไม่ใช่เซเว่น) นั้นอยู่ที่ย่านอะบิงตันฮิลล์, เมืองพีโอเรีย, รัฐอิลลินอย และยังมีจดหมายลายมือของแฟนเพลง Grace Fergusonที่เขียนถาม Dan Fogelberg ว่าประโยคสุดท้ายของเพลงที่ว่าตอนแยกย้ายกันขับรถกลับบ้าน หิมะก็เปลี่ยนเป็นฝน หมายถึงความรู้สีกที่อบอุ่นที่ได้คุยกับคนรักเก่าใช่ไหม Dan Fogelberg เขียนจดหมายตอบ ใช่เลยและตั้งใจจะเขียนเป็นอุปมาอุปไมย แต่เป็นเรื่องอัศจรรย์ที่หิมะกลายเป็นฝนจริงๆในตอนนั้น จดหมายทั้งสองฉบับจะอยู่ในมิวสิควีดิโอนี้ด้วย (คลิปโดย JMEagle 101/youtube)
Same Old Lang Syne แต่งและขับร้องโดย Dan Fogelberg อัลบั้ม The Innocent Age 1980 เป็นเพลงคริสต์มาสสมัยใหม่ที่ผมประทับใจที่สุดครับ….เป็นเลิศ หทัยเฑียร-




