ผมรู้จัก David Sanborn ครั้งแรกจากหนังสารคดี Woodstock Music Festival 1969 แค่แว๊บเดียวบนเวทีกับวง The Paul Butterfield Blues Band เพราะวงนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของมหกรรม และมาพบกันอีกครั้งก็เป็นยุค’80s เป็นอัลบั้มที่สี่ในฐานะศิลปินเดี่ยวในสีเสื้อ Warner Brothers อัลบั้ม Hideaway 1980 ที่ขึ้นถึงอันดับสองของแจ๊ซชาร์ตของบิลบอร์ด เป็นหนึ่งอัลบั้มในกระแส Jazz Fusion กับ Smooth Jazz ยุคบุกเบิก ในรุ่นเดียวกันได้แก่ Grover Washington jr. Sadao Watanabe รุ่นน้องเป็น Dave Koz; Kenny G; Eric Marienthal; Michael Paulo เป็นไนท์สปอตโปรดักชั่นไลเซนซีของ Warner Brothers ที่รับ โจทย์ข้อที่หนึ่งจากต้นสังกัดคือแนะนำ Smooth Jazz ให้คนฟังเพลงแจ๊ซในบ้านเรา ทำให้เราได้สัมผัสกับงานของ George Benson; Michael Franks; Al Jarreau และ David Sanborn ผ่านรายการเพลงและร้านแผ่นเสียง ลีลาการเป่า alto saxophone ชัดเจนทั้งความหนักแน่นและความอ่อนหวานแบบสั่งได้เหมือนเสียงกีตาร์ของ Eric Clapton (ลองค้นหาเพลง Little Wing แสดงสดของ Eric Clapton; Sheryl Crow; David Sanborn มาดู) จาก 1981-86 Voyeur; As We Speak; Backstreet; Straight From The Heart; Double Visions ทั้งห้าอัลบั้มขึ้นถึงอันดับหนึ่งแจ๊ซชาร์ตบิลบอร์ด…
ในฐานะแฟนเพลงที่เสพผลงานของ David Sanborn เราได้เพลงที่สร้างพลังใจอย่าง The Dream; Love Will Come Someday with Michael Sembello; Let Me Love You Tonight with Pure Prairie League; Nobody Does It Better with Oletta Adams; The Water Is Wide with Linda Ronstadt; Windmills Of Your Mind with Randy Crawford; Since I Fell For You with Bob James & Al Jarreau etc. เพลงเหล่านี้กลายเป็นเสน่ห์ของรายการ Jazz In Love ที่คุณผู้ฟังถามถึง.
ในฐานะคนนำวงดนตรีเข้าแสดงในบ้านเรา ครั้งแรกกับอาจารย์แพท แสงธรรม แสดงในสวนของโรงแรมสยามอินเตอร์คอนติเนนตัลที่ตอนนี้คือสยามพารากอน ไลน์อัพชุดนั้นเท่าที่จำได้มี Ricky Peterson เบส, Ricardo Silveira กีตาร์, Gregg Karukas คีย์บอร์ด อีกครั้งที่แจ๊ซเฟสติวัลสนามเสือป่า ความประทับใจในการทำงานกับ David Sanborn มีระเบียบและเรียบง่ายจึงทำให้ลูกทีมพลอยทำตัวน่ารักไปด้วย อารมณ์ดีและความจำเป็นเลิศ สองโชว์ห่างกันหลายๆปี แต่พอพบหน้ากันก็ทักทายชื่อ(ภาษาไทย) ของผมได้ ยังคิดอยู่เสมอว่าถ้าเทศกาลแจ๊ซเฟสติวัลกลับมาในบ้านเราอีก David Sanborn จะอยู่เอลิสต์ จนกระทั่งเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 12 ที่ผ่านมา แกจากไปด้วยมะเร็งต่อมลูกหมากที่ต่อสู้มาตั้งแต่ปี 2018 ในวัย 78 ปี ยังทำงานทุกวันมีโปรแกรมทัวร์ทะลุไปถึง 2025 แล้ว นอกจากเสียงแซคโซโฟนที่ครบเครื่องทั้งร๊อค,บลูส์,อาร์แอนด์บีและแจ๊ซ ก็รอยยิ้มที่อบอุ่นและความสุภาพยามสนทนา หกแกรมมี่แปดแผ่นทองหนึ่งแพลตินั่มสำหรับนักดนตรีแจ๊ซถือว่าสุดๆแล้ว…
Jazz In Love ขอให้ David Sanborn ได้สู่สุคติ ผมนำคลิปเพลง The Dream (youtube) ในวันที่ลำบาก ทุกครั้งที่ฟังเพลงนี้จะเพิ่มพลังบวกในการเผชิญหน้าอุปสรรคได้เสมอ….
